*** การเรียนรู้ตลอดชีวิตของพ่อใหญ่ครูเส โคตะขุน ***

*** การเรียนรู้ตลอดชีวิตของพ่อใหญ่ครูเส โคตะขุน ***

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปาล์ม

                           ปาล์ม



ปาล์ม (ชื่อสามัญ palm ; ชื่อวิทยาศาสตร์ Palmae หรือ Arecacae ) นับเป็นพืชวงศ์ใหญ่ที่สุด (รองจากหญ้า) ทั้งในแง่จำนวนของชนิด และปริมาณที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ จำแนกได้กว่า 210 สกุล และราว 3,800 ชนิด เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ไม่แยกกิ่งก้านสาขา
พืชจำพวกปาล์มนี้มีร่องรอยในซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ถึงประมาณ 80 ล้านปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้เราพบปาล์มได้ในหลากหลายพื้นทั่วโลก อันเนื่องจากปาล์มสามารถเติบโตในสภาพภูมิอากาศที่หลากหลาย แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นพืชพื้นเมืองในเขตร้อน และกึ่งเขตร้อนก็ตาม แต่ปาล์มสามารถเติบโตได้ตั้งแต่ละติจูด 30 องศาเหนือ ลงมาจนถึงละติจูด 30 องศาใต้
ปาล์มที่พบในเขตเหนือสุด คือปาล์มพัดยุโรป (Chamaerops humilis) ซึ่งเติบโตในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกาตอนเหนือ ส่วนปาล์มที่พบตอนใต้สุด คือปาล์มนิเกา (Rhopalostylis sapida) ที่พบในนิวซีแลนด์ และหมู่เกาะแชแธม
ปาล์มก็ยังเติบโตบนพื้นที่สูงถึง 3,000 เมตร (บนเทือกเขาแอนดีส) ส่วนที่แห้งแล้งอย่างทะเลทราย (อินทผลัม) และที่ชื้นแฉะ ก็ยังเป็นที่อาศัยส่วนใหญ่ของปาล์มหลากหลายชนิด (เช่น จาก ชิด สาคู)


อนุกรมวิธานของปาล์ม

ข้อมูลของปาล์มตามอนุกรมวิธานอยู่ในตารางด้านขวา


บางตำราจำแนกปาล์มออกเป็น 6 วงศ์ย่อย (subfamily) ได้แก่
  • Arecoideae (เต่าร้าง มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ)
  • Calamoideae (หวายชนิดต่างๆ)
  • Ceroxyloideae (ปาล์มขวด, ปาล์มแชมเปญ ฯลฯ)
  • Coryphoideae (อินทผลัม, ลาน, ตาล ฯลฯ)
  • Nypoideae (จาก ชนิดเดียว)
  • Phytelephantoideae (ปาล์มงาช้าง แถบอเมริกากลาง)

กายวิภาคของปาล์ม


ปาล์มส่วนใหญ่มีลักษณะเฉพาะที่เด่นชัด กล่าวคือลำต้นเป็นข้อ มีใบบนยอดเพียงที่เดียว ไม่แตกกิ่งก้าน มีก้านใบที่ยาวและใหญ่ ลักษณะใบแตกต่างกัน แต่ก็ไปรวมกลุ่มกันที่ปลายก้านที่เดียว อย่างไรก็ตาม ยังมีปาล์มอีกหลายชนิด ที่ไม่ได้มีลำต้นสูงพ้นดิน แต่ก็มีลักษณะใบแบบปาล์ม ทำให้สังเกตได้ไม่ยากนัก ทยาย

ลำต้น

ปาล์มส่วนมากมีลักษณะลำต้นเดี่ยว งอกขึ้นจากพื้นต้นเดียว ไม่แตกหน่อ หรือแตกกิ่ง เช่น มะพร้าว หมาก ปาล์มน้ำมัน ตาล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปาล์มอีกหลายชนิด ที่มีลำต้นเดียวแต่มีการแตกกอขึ้นในที่ใกล้กัน จึงปรากฏเป็นกอใหญ่ เช่น หมากแดง หมากเหลือง ปาล์มไผ่ ส่วนปาล์มที่มีขนาดลำต้นเล็ก นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
นอกจากลักษณะเด่นทั้งสองแล้ว ยังมีลำต้นที่แตกกิ่ง เช่น ปาล์มกิ่ง (Hyphaene thebaica) นับว่ามีลักษณะที่โดดเด่นจากปาล์มชนิดอื่นๆ มากทีเดียว ส่วนปาล์มที่มีขนาดเล็กจะมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เช่น ระกำ หรือลำต้นทอดไปตามพื้นดิน เช่น จาก และลำต้นเป็นเถาเลื้อย ได้แก่ หวายทุกชนิด
ปาล์มส่วนใหญ่จะมีต้นสูง สามารถแบ่งเป็นสามส่วน คือ เรือนยอด (crown) ตั้งแต่ก้านใบขึ้นไป, คอยอด (Crownshaft) อยู่ระหว่างลำต้น และพุ่มใบ, และส่วนลำต้น (trunk) ตั้งแต่โคนขึ้นมาจนถึงคอ
ข้อหรือวงแหวนรอบลำต้นนั้น นับเป็นจุดเด่นที่สำคัญอย่างหนึ่งของปาล์มทีเดียว ซึ่งเกิดจากการร่วงหลุดของก้านใบนั่นเอง บางชนิดเมื่อร่วงแล้วลำต้นเกลี้ยง บางชนิดแม้ใบจะเหี่ยว แต่ก้านใบก็ไม่หลุดเสียเลยทีเดียว
ปาล์มบางสกุลมีลำต้นที่อ้วนป่องตรงกลาง (ปาล์มขวด,ปาล์มแชมเปญ) มีการสะสมน้ำไว้ในลำต้นขณะที่ปาล์มขนาดเล็กบางชนิดมีรกพันที่ลำต้น (จั๋ง, เคราฤๅษี)

ใบ

ลักษณะใบของปาล์ม ถือเป็นจุดเด่น และว่าเป็นข้อสังเกตที่สำคัญ เพราะในของปาล์มนั้นเป็นใบประกอบ มีก้านใบที่ยาว และมีใบย่อยเรียงรายจำนวนมาก ใบอ่อนเป็นก้านยาวชูขึ้นไปบนยอด แล้วคลี่ขยายออกมาออกมา จำแนกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ใบรูปขนนก และใบรูปพัด หรือฝ่ามือ
  • ใบรูปขนนก (Pinnate) มีก้านใบเป็นแกนกลาง และมีใบย่อยเรียงสองข้าง ที่เห็นชัดก็ได้แก่ มะพร้าว หมาก ปาล์มขวด นอกจากนี้ยังมีใบของเต่าร้าง ที่เป็นรูปขนนกสองชั้น และใบปาล์มหางกระรอก เป็นใบพวง
  • ใบรูปพัดหรือรูปฝ่ามือ (fan leaf, palmate leaf) กล่าวกันว่า ชื่อของปาล์ม (palm) ก็มาจากลักษณะที่คล้ายกับฝ่ามือ (palm) นั่นเอง ใบรูปพัด มีลักษณะคล้ายพัดจีน มีใบย่อยแตกออกจากจุดปลายของก้านใบในรัศมีวงกลม แผ่ออกไป ติดกันบ้าง แยกกันบ้าง เช่น ใบตาล ลาน ปาล์มพัด เป็นต้น
มนุษย์รู้จักใช้ประโยชน์จากใบของพืชจำพวกปาล์มมาช้านาน ที่รู้จักกันดีก็คือใบจาก ใช้มุมหลังคา ห่อขนม (ขนมจาก) ขณะที่ในชนบท ยังนิยมใช้ใบจากมวนยาเส้นใช้สูบ ส่วนมะพร้าวนั้นใบค่อนข้างแคบ นำมาตัดเป็นแถวสั้นๆ คาดห่อใบตอง อย่างห่อหมก ขนมสอดไส้ เป็นต้น เมื่อเลาะใบออก เหลือก้านใบ สีเหลืองตัดเป็นท่อนสั้นๆ ใช้เป็นไม้กลัด หรือนำก้านยาวๆ มามัดรวมกันเป็นไม้กวาดก้านมะพร้าว
ใบของกะพ้อ มีลักษณะคลี่บานเหมือนพัด คลี่ออกแล้วห่อขนมได้ ส่วนใบลานนั้น เหนียวและหนาพอที่จะใช้จารอักษรโดยเฉพาะ คัมภีร์ในพระพุทธศาสนาได้ และยังเก็บได้เป็นเวลานานนับร้อนๆ ปี นอกจากนี้ยังใช้ทำงานจักสานได้ด้วย

ผล

ผลของพืชจำพวกปาล์มโดยมากมีเปลือกแข็ง มีขนาดที่หลากหลาย ตั้งแต่เล็กมาก เช่น หวาย จนถึงขนาดปานกลาง เช่น หมาก อินทผลัม และขนาดใหญ่ อย่างมะพร้าว หรือมะพร้าวแฝด ผลปาล์มหลายชนิดรับประทานได้ ที่รู้จักกันดี ก็คือ ตาล จาก ชิด สละ ระกำ มะพร้าว หมาก (ใช้เคี้ยว) ปาล์มที่มีผลขนาดใหญ่ที่สุด คือมะพร้าวแฝด (coco-de-mer)
ลักษณะผลของปาล์มส่วนใหญ่มีความคล้ายกัน บางชนิดก็มีผลเล็กมาก ออกเป็นช่อ เป็นทะลายเช่นเดียวกับหมากและมะพร้าว ส่วนเปลือกของผลระกำและสละนั้นบางมาก เปลือกนอกของปาล์มหลายชนิดเป็นเส้นใยเกาะตัวหนาแน่น ผลปาล์มส่วนใหญ่เหมาะแก่การแพร่พันธุ์เป็นอย่างยิ่ง หลายชนิดมีเปลือกนอกที่เบา มีเส้นใยเกาะหนา ลอยน้ำได้ บางชนิดมีเปลือกบาง เป็นอาหารของสัตว์ป่า เมื่อคายหรือขับถ่ายเมล็ดออก ก็จะงอกงามได้ต่อไป

ดอก

จั่น หรือ ดอก ของพืชในวงศ์ปาล์มไม่ได้มีกลิ่นหอม ไม่มีกลีบดอกสวยงาม โดยมากเป็นดอกขนาดเล็ก และแข็ง ดอกของปาล์มนั้นประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 3 กลีบ เกสรตัวผู้ 3-6 อัน หรือมากกว่า เกสรตัวเมียมีรังไข่ 1-3 อัน ดอกของปาล์ม ออกเป็นช่อเป็นพวง ช่อดอกที่ยังอ่อนของปาล์มหลายชนิด เมื่อปาดส่วนปลายออก จะได้น้ำหวาน ทำน้ำตาลสด น้ำตาลปึก และน้ำตาลเมา ได้
ปาล์มส่วนใหญ่จะออกดอกเป็นระยะเรื่อยไปตลอดอายุขัย แต่มีปาล์มบางชนิดออกดอกครั้งเดียวเท่านั้น ทว่ากว่าจะออกดอกนั้นใช้เวลานานมาก เมื่อออกดอกและให้ผลแล้วต้นก็จะตายไป เนื่องจากใช้อาหารที่สะสมในลำต้นจนหมด ปาล์มที่มีลักษณะเช่นนี้ ได้แก่ สาคู
ปัจจุบันมีความนิยมปลูกปาล์มเป็นไม้ประดับมากขึ้น ผู้ที่สนใจศึกษาปาล์มชนิดต่างๆ สามารถชมได้ที่สวนแสนปาล์ม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น








ที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี







Arecaceae



Arecaceae or Palmae (also known by the name Palmaceae, which is considered taxonomically invalid, or by the common name palm tree), are a family of flowering plants, the only family in the monocot order Arecales. There are roughly 202 currently known genera with around 2600 species, most of which are restricted to tropical, subtropical, and warm temperate climates. Most palms are distinguished by their large, compound, evergreen leaves arranged at the top of an unbranched stem. However, many palms are exceptions to this statement, and palms in fact exhibit an enormous diversity in physical characteristics. As well as being morphologically diverse, palms also inhabit nearly every type of habitat within their range, from rainforests to deserts.
Palms are among the best known and most extensively cultivated plant families. They have been important to humans throughout much of history. Many common products and foods are derived from palms, and palms are also widely used in landscaping for their exotic appearance, making them one of the most economically important plants. In many historical cultures, palms were symbols for such ideas as victory, peace, and fertility. Today, palms remain a popular symbol for the tropics and vacations.





Morphology



Whether as shrubs, trees, or vines, palms have two methods of growth: solitary or clusters. The common representation is that of a solitary shoot ending in a crown of leaves. This monopodial behavior may be exhibited by prostrate, trunkless, and trunk-forming members. Some common palms restricted to solitary growth include Washingtonia and Roystonea. Palms may instead grow in sparse to dense clusters. The trunk will develop an axillary bud at a leaf node, usually near the base, from which a new shoot emerges. The new shoot, in turn, produces an axillary bud and a clustering habit results. Exclusively sympodial genera include many of the rattans, Guihaia, and Rhapis. Several palm genera have both solitary and clustering members. Palms which are usually solitary may grow in clusters, and vice versa. These aberrations suggest that the habit operates on a single gene.
Palms have large evergreen leaves that are either palmately ('fan-leaved') or pinnately ('feather-leaved') compound and spirally arranged at the top of the stem. The leaves have a tubular sheath at the base that usually splits open on one side at maturity. The inflorescence is a panicle or spike surrounded by one or more bracts or spathes that become woody at maturity. The flowers are generally small and white, radially symmetric, and can be either uni- or bi-sexual. The sepals and petals usually number three each, and may be distinct or joined at the base. The stamens generally number six, with filaments that may be separate, attached to each other, or attached to the pistil at the base. The fruit is usually a single-seeded drupe, but some genera (e.g. Salacca) may contain two or more seeds in each fruit.


Fruits of Palmyra at Guntur, India


Arecaceae are notable among monocots for their height and for the size of their seeds, leaves, and inflorescences. Ceroxylon quindiuense, Colombia's national tree, is the tallest monocot in the world, reaching heights of 60 meters. The Coco de mer (Lodoicea maldivica) has the largest seeds of any plant, 40–50 cm in diameter and weighing 15–30 kilograms each. Raffia palms (Raphia spp.) have the largest leaves of any plant, up to 25 meters long and 3 meters wide. The Corypha species have the largest inflorescence of any plant, up to 7.5 meters tall and containing millions of small flowers.



and habitat

Coconut palm trees in Mumbai, India



Most palms grow in the tropics. They are abundant throughout the tropics, and thrive in almost every habitat therein. Their diversity is highest in wet, lowland tropical forests, especially in ecological "hotspots" such as Madagascar, which has more endemic palms than all of Africa. Colombia may have the highest number of palm species in one country.

It is estimated that only 130 palm species grow naturally beyond the tropics, mostly in the subtropics. The northernmost native palm is Chamaerops humilis, which reaches 44°N latitude in southern France. The southernmost palm is the Rhopalostylis sapida, which reaches 44°S on the Chatham Islands where an oceanic climate prevails. Some palms, such as the Trachycarpus fortunei, grow well under cultivation as far north as over 50°N in oceanic climates (Ireland, Scotland and coastal British Columbia- Vancouver/ Vancouver Island).

Palms inhabit a variety of ecosystems. More than two thirds of palm species live in tropical forests, where some species grow tall enough to form part of the canopy and shorter ones form part of the understory. Some species form pure stands in areas with poor drainage or regular flooding, including Raphia hookeri which is common in coastal freshwater swamps in West Africa. Other palms live in tropical mountain habitats above 1000 meters, such as those in the genus Ceroxylon native to the Andes. Palms may also live in grasslands and scrublands, usually associated with a water source, and in desert oases such as the Date Palm. A few palms are adapted to extremely basic lime soils, while others are similarly adapted to very acidic serpentine soils.


Taxonomy







Two Roystonea regia specimens in Kolkata, India. Note the characteristic crownshaft and apex shoot or 'spear'.





Palms are a monophyletic group of plants, meaning that the group consists of a common ancestor and all its descendants. Extensive taxonomic research on palms began with botanist H.E. Moore, who organized palms into fifteen major groups based mostly on general morphological characteristics. The following classification, proposed by N.W. Uhl and J. Dransfield in 1987, is a revision of Moore's classification that organizes palms into six subfamilies. A few general traits of each subfamily are listed.

Coryphoideae is the most diverse subfamily and is a paraphyletic group, meaning that all members of the group share a common ancestor but the group does not include all the ancestor's descendants. Most palms in this subfamily have palmately lobed leaves and solitary flowers with three, sometimes four carpels. The fruit normally develops from only one carpel. Subfamily Calamoideae includes the climbing palms such as rattans. The leaves are usually pinnate; derived characters (synapomorphies) include spines on various organs, organs specialized for climbing, an extension of the main stem of the leaf bearing reflexed spines, and overlapping scales covering the fruit and ovary. Subfamily Nypoideae contains only one genus and one species, Nypa fruticans, which has large pinnate leaves. The fruit is unusual in that it floats, and the stem is dichotomously branched, also unusual in palms. Subfamily Ceroxyloideae has small to medium-sized flowers that spirally arranged, with a gynoecium of three joined carpels. Arecoideae is the largest subfamily with six diverse tribes containing over 100 genera. All tribes have pinnate or bipinnate leaves and flowers arranged in groups of three, with a central pistillate and two staminate flowers. Phytelephantoideae is a monoecious subfamily. Members of this group have distinct monopodial flower clusters. Other distinct features include a gynoecium with five to ten joined carpels, and flowers with more than three parts per whorl. Fruits are multiseeded and have multiple parts.

Currently, few extensive phylogenetic studies of Arecaceae exist. In 1997, Baker et al. explored subfamily and tribe relationships using chloroplast DNA from 60 genera from all subfamilies and tribes. The results strongly showed that Calamoideae is monophyletic, and that Ceroxyloideae and Coryphoideae are paraphyletic. The relationships of Arecoideae are uncertain but it is possibly related to Ceroxyloideae and Phytelephantoideae. Studies have suggested that the lack of a fully resolved hypothesis for the relationships within the family is due to a variety of factors including difficulties in selecting appropriate outgroups, homoplasy in morphological character states, slow rates of molecular evolution important for the use of standard DNA markers, and character polarization. However, hybridization has been observed among Orbignya and Phoenix species, and using chloroplast DNA in cladistic studies may produce inaccurate results due to maternal inheritance of the chloroplast DNA. Chemical and molecular data from non-organelle DNA, for example, could be more effective for studying palm phylogeny.





Selected genera



Palm trees in Multan, Pakistan




See list of Arecaceae genera arranged by taxonomic groups or by alphabetical order for a complete listing of genera.



Palm tree in a garden



Evolution



Arecaceae is the first modern family of monocots that is clearly represented in the fossil record. Palms first appear in the fossil record around 80 million years ago, during the late Cretaceous Period. The first modern species, such as Nypa fruticans and Acrocomia aculeata, appeared 69-70 million years ago, confirmed by fossil Nypa pollen dated to 70 million years ago. Palms appear to have undergone an early period of adaptive radiation. By 60 million years ago, many of the modern, specialized genera of palms appeared and became widespread and common, much more widespread than their range today. Because palms separated from the monocots earlier than other families, they developed more intrafamilial specialization and diversity. By tracing back these diverse characteristics of palms to the basic structures of monocots, palms may be valuable in studying monocot evolution. Several species of palms have been identified from flowers preserved in amber including Palaeoraphe dominicana and Roystonea palaea‎.

Evidence can also be found in samples of petrified palmwood.


Uses



Canned palmnut concentrate

Coconut flowers





Human use of palms is as old or older than human civilization itself, starting with the cultivation of the date palm by Mesopotamians and other Middle Eastern peoples 5000 years or more ago. Date wood, pits for storing dates, and other remains of the date palm have been found in Mesopotamian sites. The Date Palm had a tremendous effect on the history of the Middle East. W.H. Barreveld wrote:

"One could go as far as to say that, had the date palm not existed, the expansion of the human race into the hot and barren parts of the "old" world would have been much more restricted. The date palm not only provided a concentrated energy food, which could be easily stored and carried along on long journeys across the deserts, it also created a more amenable habitat for the people to live in by providing shade and protection from the desert winds (Fig. 1). In addition, the date palm also yielded a variety of products for use in agricultural production and for domestic utensils, and practically all parts of the palm had a useful purpose."

An indication of the importance of palms in ancient times is that they are mentioned more than 30 times in the Bible, and at least 22 times in the Quran.



Fruit of the Date Palm Phoenix dactylifera



Arecaceae has great economic importance including coconut products, oils, dates, palm syrup, ivory nuts, carnauba wax, rattan cane, raffia and palm wood.



Along with dates mentioned above, members of the Palm Family with human uses are numerous.



  • The type member of Arecaceae is the Areca palm, the fruit of which, the betel nut, is chewed with the betel leaf for intoxicating effects (Areca catechu).
  • Carnuba wax is harvested from the leaves of a Brazilian palm (Copernicia).
  • Rattans, whose stems are used extensively in furniture and baskets are in the genus Calamus.
  • Palm oil is an edible vegetable oil produced by the oil palms in the genus Elaeis.
  • Several species are harvested for heart of palm, a vegetable eaten in salads.
  • Sap of the nipa palm Nypa is used to make vinegar.
  • Palm sap is sometimes fermented to produce palm wine or toddy, an alcoholic beverage common in parts of Africa, India, and the Philippines.
  • Dragon's blood, a red resin used traditionally in medicine, varnish, and dyes, may be obtained from the fruit of Daemonorops species.
  • Coconut is the edible fruit of the coconut palm (Cocos nucifera).
  • Coir is a coarse water-resistant fiber extracted from the outer shell of coconuts, used in doormats, brushes, mattresses, and ropes. In India, beekeepers use coir in their bee smokers.
  • Some indigenous groups living in palm-rich areas use palms to make many of their necessary items and food. Sago, for example, a starch made from the pith of the trunk of the sago palm Metroxylon sagu, is a major staple food for lowland peoples of New Guinea and the Moluccas. This is not the same plant commonly used as a house plant and called "sago palm."
  • Panama hats are woven from the leaves of the "Panama Hat" palm.
  • Palm wine is made from Jubaea also called Chilean wine palm, or coquito palm
  • Recently the fruit of the açaí palm Euterpe has been used for its reputed healthful benefits.
  • Saw palmetto (Serenoa repens) is under investigation as a drug for treating enlarged prostates.
  • Palm leaves are also valuable to some peoples as a material for thatching, basketry, clothing, and in religious ceremonies (see "Symbolism" below).






The southeastern state of South Carolina is nicknamed the Palmetto State after the Cabbage Palmetto, logs from which were used to build the fort at Fort Moultrie. During the American Revolutionary War they were invaluable to those defending the fort, because their spongy wood absorbed or deflected the British cannonballs. The Sabal Palmetto is also the state tree of Florida. Some palms can be grown as far north as Maryland, southern Ohio and even up along the Pacific coast to Oregon, Washington and British Columbia, where ocean winds have a warming effect. There have even been known species of transplanted palms that have survived as far north as Devon. The Chinese Trachycarpus fortunei is being grown experimentally on the Faroe Islands at 62°N, with young plants doing well so far.



Endangered species



Pritchardia affinis, a critically endangered species endemic to the Hawaiian Islands.



Like many other plants, palms have been threatened by human intervention and exploitation. The greatest risk to palms is destruction of habitat, especially in the tropical forests, due to urbanization, wood-chipping, mining, and conversion to farmland. Palms rarely reproduce after such great changes in the habitat, and palms with a small habitat range are most vulnerable to them. The harvesting of heart of palm, a delicacy in salads, also poses a threat because it is derived from the palm's apical meristem, a vital part of the palm that cannot be regrown. The use of rattan palms in furniture has caused a major population decrease in these species that has negatively affected local and international markets as well as biodiversity in the area.The sale of seeds to nurseries and collectors is another threat, as the seeds of popular palms are sometimes harvested directly from the wild. At least 100 palm species are currently endangered, and nine species have reportedly recently become extinct.

However, several factors make palm conservation more difficult. Palms live in almost every type of habitat and have tremendous morphological diversity. Most palm seeds lose viability quickly, and they cannot be preserved in low temperatures because the cold kills the embryo. Using botanical gardens for conservation also presents problems, since they can only house a few plants of any species or truly imitate the natural setting. There is also the risk of cross-pollination, which leads to hybrid species.

The Palm Specialist Group of the World Conservation Union (IUCN) began in 1984 and has performed a series of three studies in order to find basic information on the status of palms in the wild, utilization of wild palms, and palms under cultivation. Two projects on palm conservation and utilization supported by the World Wildlife Fund took place from 1985–1990 and 1986–1991, in the American tropics and southeast Asia respectively. Both studies produced a large amount of new data and publications on palms. Preparation of a global action plan for palm conservation began in 1991, supported by the IUCN, and was published in 1996.

The rarest palm known is the Hyophorbe amaricaulis. The only living individual that remains is at the Botanic Gardens of Curepipe in Mauritius.



Pest species



Pests that attack a variety of species of palm trees include:




Symbolism



Main article: Palm branch (symbol)

The palm branch was a symbol of triumph and victory in pre-Christian times. The Romans rewarded champions of the games and celebrated military successes with palm branches. Early Christians used the palm branch to symbolize the victory of the faithful over enemies of the soul, as in the Palm Sunday festival celebrating the triumphal entry of Jesus into Jerusalem. In Judaism, the palm represents peace and plenty, and is one of the Four Species of Sukkot; the palm may also symbolize the Tree of Life in Kabbalah. Today, the palm, especially the coconut palm, remains a symbol of the stereotypical tropical island paradise. Palms appear on the flags and seals of several places where they are native, including those of Haiti, Guam, Saudi Arabia, Florida and South Carolina.


See also






References



  1. ^ "Arecaceae Bercht. & J. Presl, nom. cons.". Germplasm Resources Information Network. United States Department of Agriculture. 2007-04-13. http://www.ars-grin.gov/cgi-bin/npgs/html/family.pl?95. Retrieved 2009-07-18.
  2. ^ "Palmaceae" is not accepted because the name Arecaceae (and its acceptable alternative Palmae, ICBN Art. 18.5) are conserved over other names for the palm family.
  3. ^ Landscaping with Palms in the Mediterranean
  4. ^ Uhl, Natalie W. and Dransfield, John (1987) Genera Palmarum - A classification of palms based on the work of Harold E. Moore. Lawrence, Kansas: Allen Press. ISBN 0-935868-30-5 / ISBN 978-0-935868-30-2
  5. ^ Arecaceae - University of Hawaii Botany
  6. ^ Arecaceae in Flora of North America
  7. ^ :: Presidencia de la República de Colombia ::
  8. ^ Conservatory of Flowers
  9. ^ a b c d Tropical Palms by Food and Agriculture Organization
  10. ^ a b c d Virtual Palm Encyclopedia - Introduction
  11. ^ N. W. Uhl, J. Dransfield (1987). Genera palmarum: a classification of palms based on the work of Harold E. Moore, Jr. (Allen Press, Lawrence, Kansas).
  12. ^ a b Palms on the University of Arizona Campus
  13. ^ Hahn, W.J. (2002). A Molecular Phylogenetic Study of the Palmae (Arecaceae) Based on atpB, rbcL, and 18S nrDNA Sequences (Systematic Botany 51(1): 92-112).
  14. ^ Virtual Palm Encyclopedia - Evolution and the fossil record
  15. ^ Poinar, G. (2002). "Fossil palm flowers in Dominican and Baltic amber". Botanical Journal of the Linnean Society 139 (4): 361–367. doi:10.1046/j.1095-8339.2002.00052.x.
  16. ^ a b W.H. Barreveld. "Date Palm Products - Introduction". Food and Agriculture Organization of the United Nations. http://www.fao.org/docrep/t0681E/t0681e02.htm. Retrieved 2007-06-12.
  17. ^ Date Sex @ University of Pennsylvania Museum of Archaeology and Anthropology
  18. ^ Bible search for "palm"
  19. ^ Koran search for "palm"
  20. ^ Revolutionary War Exhibit Text - November 2002
  21. ^ Højgaard, A., Jóhansen, J., & Ødum, S. (1989). A century of tree planting on the Faroe Islands. Ann. Soc. Sci. Faeroensis Supplementum 14.
  22. ^ Dennis Johnson, ed (1996). Palms: Their Conservation and Sustained Utilization. International Union for Conservation of Nature. ISBN 2831703522. http://intranet.iucn.org/webfiles/doc/SSC/SSCwebsite/Act_Plans/Executive_Summary_Palms_Action_Plan_EN.pdf.
  23. ^ a b Palm Conservation: Its Atecedents, Status, and Needs

  • C. H. Schultz-Schultzenstein (1832). Natürliches System des Pflanzenreichs..., 317. Berlin, Germany.
  • Dransfield J., Uhl N.W., Asmussen C.B., Baker W.J., Harley M.M., Lewis C.E. (2005). "A new phylogenetic classification of the palm family, Arecaceae". Kew Bulletin 60: 559–569. [latest Arecaceae or Palmae classification]
  • Hahn, W.J. 2002. A Molecular Phylogenetic Study of the Palmae (Arecaceae) Based on atpB, rbcL, and 18S nrDNA Sequences. Systematic Botany 51(1): 92-112.






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น